Page 50 - รายงานประจำปี 2561
P. 50

4)  การแต่งตั้งข้าราชการอัยการเป็นกรรมการ
                           ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ  พ.ศ.  2521  มาตรา  46  วรรค  4  บัญญัติว่า
          “ข้าราชการอัยการต้องไม่เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือกิจการอื่นของรัฐในทำานองเดียวกัน  เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจาก
          คณะกรรมการอัยการ”
                      5)    การแต่งตั้งข้าราชการตุลาการหรือผู้พิพากษาเป็นกรรมการ

                           ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม  พ.ศ.  2543  มาตรา  59  (1)
          บัญญัติว่า  “ข้าราชการตุลาการต้องไม่เป็นกรรมการ  หรือดำารงตำาแหน่งหน้าที่ใดในรัฐวิสาหกิจ  หรือกิจการอื่นของรัฐ
          ในทำานองเดียวกัน”

                      6)    การแต่งตั้งผู้ดำารงตำาแหน่งทางการเมืองหรือบุคคลประเภทต่างๆ เป็นกรรมการ
                           รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช  2540  มาตรา  110  และ  มาตรา  128  บัญญัติว่า
          สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ดำารงตำาแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ  หน่วยงานของรัฐ  หรือ
          รัฐวิสาหกิจโดยบทบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับในกรณีดำารงตำาแหน่งกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในฐานะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิตามบทบัญญัติ
          แห่งกฎหมาย

                      7)    การเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
                           ต้องระบุชื่อบุคคลเป็นการเฉพาะตัวจะแต่งตั้งโดยระบุชื่อตำาแหน่ง  หรือระบุเป็นผู้แทนของ
          ส่วนราชการแทนการระบุชื่อบุคคลไม่ได้  เนื่องจากการแต่งตั้งต้องพิจารณาจากคุณวุฒิเฉพาะตัวของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นหลัก

                  K การพ้นจากตำาแหน่ง
                      กรรมการจะพ้นจากตำาแหน่งเมื่อครบวาระการดำารงตำาแหน่ง  3  ปี  ตาย  ลาออก  ขาดคุณสมบัติ  หรือ
          มีลักษณะต้องห้ามอย่างใดอย่างหนึ่ง  หรือคณะรัฐมนตรีให้ออกในกรณีที่คณะกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำาแหน่ง
          ก่อนวาระ  หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำาแหน่ง
          ให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำารงตำาแหน่งแทนหรือให้เป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำาแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการ

          ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
                  K คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม
                      พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำาหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ  พ.ศ.  2518  และที่แก้ไข

          เพิ่มเติม มาตรา 5
                      1)  มีสัญชาติไทย
                      2)    มีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
                      3)    มีคุณวุฒิและประสบการณ์และเหมาะสมกับกิจการของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ
                      4)    ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย ทุจริต

                      5)    ไม่เคยได้รับโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุก  เว้นแต่เป็นโทษสำาหรับความผิดที่ได้กระทำา
          โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
                          5.1)   ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ

                          5.2)   ไม่เคยต้องคำาพิพากษา  หรือคำาสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน  เพราะรำ่ารวยผิดปกติ
          หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
                          5.3)   ไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
                      6)    ไม่เป็นข้าราชการการเมือง เว้นแต่เป็นการดำารงตำาแหน่งกรรมการตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
                      7)   ไม่เป็นผู้ดำารงตำาแหน่งใดในพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง

                          7.1)   ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่
                      8)    ไม่เป็นผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจนั้น  หรือผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจนั้นถือหุ้นอยู่
                      9)  ไม่เป็นผู้ดำารงตำาแหน่งใดในนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจนั้นเป็นผู้ถือครองหุ้น  เว้นแต่คณะกรรมการ

          ของรัฐวิสาหกิจนั้น  มอบหมายให้ดำารงตำาแหน่งกรรมการหรือดำารงตำาแหน่งอื่นในนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจนั้นเป็นผู้ถือหุ้น



          หน้า 46                                                          รายงานประจำาปี 2561 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55